พ.ศ 800 โดยประมาณ ในแผ่นดิน พระเจ้าศิริกิตติกุมาร พระเชษฐาราชโอรส ในพระเจ้าตักละราช
ขึ้นครองราชสมบัติ เมือง ปาฎลีบุตร เป็นช่วงทีเมืองปาฏลีบุตรเกิดมหากลียุค
ทั้งมีการจลาจลภายในและข้าศึกภายนอก
ผู้คนในปาฏลีบุตรที่เคารพนับถือพระพุทธรัตนพรรณมณีมรกต จึงลงความเห็นกันว่า
ถึงเวลาแล้วที่จะต้องอัญเชิญหนีมหาภยันตราย จึงอัญเชิญพระรัตนตรัย และพุทธบริษัท
คือพระพุทธรัตนพรรณมณีมรกตในฐานะพระพุทธ พระไตรปิฎกธรรม ที่ประดิษฐานในวิหารนั้น
พร้อมทั้งพระสงฆ์ พ่อค้าวานิชและชาวเมืองปาฏลีบุตรกลุ่มหนึ่ง
ลงสู่สำเภาแล้วเดินทางลี้ภัยไปยังลังกาทวีป
เมื่อถึงลังกาทวีปพระเจ้าแผ่นดินลังกาทวีปในสมัยนั้น(ไม่ได้ระบุพระนาม)
ทรงรับรักษาพระพุทธรัตนพรรณมณีมรกตเป็นอย่างดียิ่ง และทรงอุปถัมภ์ค้ำชูชาวปาฏลีบุตรเป็นอย่างดีสมควรตามความดีความชอบ
Sri Lanka
The second
epoch of the Chronicle of the Emerald Buddha notes a civil war in Pataliputra. Concerned
about the safety of the Emerald Buddha, the ruler of Pataliputra sent the image
to the King of
Lankadvipa for safe keeping, intending to restore it to his kingdom once the
fighting has ceased. The
account continues by noting that the ruler of Pataliputra likely never
journeyed to retrieve the
image from Lankadvipa. Therefore, the image is said to have remained in Lankadvipa
for two centuries. With the
Emerald Buddha in Lankadvipa, Buddhism flourished. Lanka emerged as a
stronghold of Buddhism
and upon his death the Buddha himself sought celestial protection for Sri Lanka
พุทธศักราช 1000 โดยประมาณในแผ่นดิน
ศรีเกษตรพุกามประเทศ
พระมหากษัตริย์ผู้ครองนครขณะนั้นคือพระเจ้าอนุรุทธราชาธิราช(ภาษาบาลี) หรือ มังมหาอโนรธาช่อ(ภาษามอญ) พระองค์เป็นกษัตริย์ที่มีพระอานุภาพมาก
บริบูรณ์ด้วยพลช้างพลม้าและทหารมากมาย
แต่พระองค์ก็เป็นกษัตริย์ที่ตั้งมั่นอยู่ในสัมมาทิฐิ
ทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาอย่างดียิ่ง
อ่านต่อ ตำนานพระแก้วมรกต
Comments
Post a Comment